สิว: ปัญหาผิวที่ใครๆ ก็เจอได้

สิว สิวอักเสบ แพ้ง่าย

สิว: ปัญหาผิวที่ใครๆ ก็เจอได้

สิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยทั้งในเพศหญิงและเพศชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างมาก แต่บางคนก็อาจเจอปัญหานี้ตั้งแต่วัยเด็กหรือแม้กระทั่งในวัยผู้ใหญ่ก็ได้ การศึกษาพบว่าสิวส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญ[1]

สิวคืออะไร?

สิวเกิดจากการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมัน มักพบบริเวณใบหน้า คอ หน้าอก และหลัง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่มาก การศึกษาทางพยาธิวิทยาแสดงให้เห็นว่าสิวเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนร่วมกับการเพิ่มการผลิตของไขมัน (sebum) และการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรีย Cutibacterium acnes[2]

ทำไมถึงเป็นสิว?

สาเหตุของการเกิดสิวมีหลายปัจจัย ทั้งจากภายในและภายนอกร่างกาย เช่น:

  • ปัจจัยภายใน: พันธุกรรม, เพศ, อายุ, ฮอร์โมน, โรคบางชนิด
  • ปัจจัยภายนอก: ยาบางประเภท, เครื่องสำอาง, อาหาร, สภาพแวดล้อม, ความเครียด

การศึกษาพบว่าปัจจัยทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการเกิดสิว โดยพบว่าหากพ่อแม่เป็นสิว ลูกก็มีโอกาสเป็นสิวสูงขึ้น[3]

ชนิดของสิว

สิวมีหลายชนิด แบ่งได้เป็น:

  1. สิวไม่อักเสบ: เช่น สิวอุดตันหัวขาว (หัวปิด) และสิวอุดตันหัวดำ (หัวเปิด)
  2. สิวอักเสบ: เช่น สิวตุ่มแดง, สิวหัวหนอง, สิวหัวช้าง, และสิวซีสต์

ความรุนแรงของสิว

แบ่งได้เป็น 3 ระดับ:

  1. เล็กน้อย: มีสิวอุดตันเป็นส่วนใหญ่ หรือสิวอักเสบไม่เกิน 10 จุด
  2. ปานกลาง: มีสิวอักเสบมากกว่า 10 จุด หรือสิวขนาดใหญ่น้อยกว่า 5 จุด
  3. รุนแรง: มีสิวอักเสบจำนวนมาก รวมถึงสิวขนาดใหญ่และสิวซีสต์

วิธีรักษาสิว

การรักษาสิวมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรง เช่น:

  • ใช้ยาทาเฉพาะที่: เช่น เรตินอยด์, เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์, หรือกรดซาลิไซลิก
  • รับประทานยาฆ่าเชื้อ: เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่มเตตราไซคลิน
  • การรักษาเสริม: เช่น ฉีดยา, ใช้เลเซอร์, หรือการฉายแสง

การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการใช้ยาทาเฉพาะที่ร่วมกับยารับประทานให้ผลการรักษาที่ดีกว่าการใช้ยาทาเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะในกรณีสิวปานกลางถึงรุนแรง[4]

ผลกระทบจากสิว

สิวอาจทำให้เกิด:

  • รอยดำรอยแดง
  • แผลเป็นนูนหรือบุ๋ม
  • ผลกระทบทางจิตใจ เช่น ขาดความมั่นใจ หรือซึมเศร้า

การศึกษาพบว่าผู้ป่วยสิวมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลสูงกว่าประชากรทั่วไป[5]

วิธีดูแลและป้องกัน

  1. ไม่แกะหรือบีบสิว
  2. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ
  3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว
  4. ปรึกษาแพทย์เมื่อมีปัญหาสิวรุนแรง
  5. ดูแลสุขภาพโดยรวม: ออกกำลังกาย, ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ, พักผ่อนให้เพียงพอ

การศึกษาพบว่าการรักษาสิวตั้งแต่ระยะแรกสามารถลดโอกาสการเกิดแผลเป็นและผลกระทบทางจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ[6]

การดูแลผิวที่เป็นสิวอย่างถูกวิธีและการรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นและผลกระทบทางจิตใจได้ อย่าลืมว่าสิวเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็เจอได้ แต่เราสามารถจัดการมันได้ด้วยการดูแลที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ

อ้างอิง

[1] Tan, J. K., & Bhate, K. (2015). A global perspective on the epidemiology of acne. British Journal of Dermatology, 172, 3-12.

[2] Tanghetti, E. A. (2013). The role of inflammation in the pathology of acne. The Journal of clinical and aesthetic dermatology, 6(9), 27-35.

[3] Bataille, V., Snieder, H., MacGregor, A. J., Sasieni, P., & Spector, T. D. (2002). The influence of genetics and environmental factors in the pathogenesis of acne: a twin study of acne in women. Journal of Investigative Dermatology, 119(6), 1317-1322.

[4] Thiboutot, D., Gollnick, H., Bettoli, V., Dréno, B., Kang, S., Leyden, J. J., … & Shalita, A. (2009). New insights into the management of acne: an update from the Global Alliance to Improve Outcomes in Acne group. Journal of the American Academy of Dermatology, 60(5), S1-S50.

[5] Vallerand, I. A., Lewinson, R. T., Parsons, L. M., Lowerison, M. W., Frolkis, A. D., Kaplan, G. G., … & Patten, S. B. (2018). Risk of depression among patients with acne in the UK: a population-based cohort study. British Journal of Dermatology, 178(3), e194-e195.

[6] Tan, J., Boyal, S., Desai, K., & Knezevic, S. (2016). Oral isotretinoin: new developments relevant to clinical practice. Dermatologic Clinics, 34(2), 175-184.

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *