เหนื่อยเพลียง่าย..ภัยแฝงที่อันตราย

เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย

เหนื่อยเพลียง่าย..ภัยแฝงที่อันตราย

ในยุคปัจจุบันที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความเครียด อาการเหนื่อยเพลียง่ายกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย แต่หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญ โดยไม่ทราบว่าอาการดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

สาเหตุของอาการเหนื่อยเพลียง่าย

  1. การขาดสารอาหาร: การขาดวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามินบี 12 วิตามินดี และธาตุเหล็ก สามารถนำไปสู่อาการเหนื่อยล้าได้ [1]
  2. ความเครียดเรื้อรัง: ความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและฮอร์โมน ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าอยู่เสมอ [2]
  3. การนอนหลับไม่เพียงพอ: การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือคุณภาพการนอนไม่ดี ส่งผลโดยตรงต่อพลังงานในร่างกาย [3]
  4. โรคทางการแพทย์: บางครั้งอาการเหนื่อยเพลียอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคไทรอยด์ หรือโรคมะเร็ง [4]

แนวทางแก้ไขเพื่อให้อาการดีขึ้น

  1. ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร: ทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มพลังงานและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ [5]
  3. จัดการความเครียด: ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด เช่น การทำสมาธิ หรือโยคะ
  4. ปรับปรุงคุณภาพการนอน: รักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน
  5. พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ: หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง

นอกจากนี้ การเสริมอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นอาจช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าได้ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามินรวมและแร่ธาตุหลากหลายชนิด เช่น วิตามินบี 12 โคเอนไซม์ Q10 และธาตุเหล็ก ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยในการเพิ่มพลังงานและลดความเหนื่อยล้า [6]

การศึกษาล่าสุดพบว่า การเสริมวิตามินบี 12 ในปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สามารถช่วยลดอาการเหนื่อยล้าในผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินบี 12 ได้อย่างมีนัยสำคัญ [7] นอกจากนี้ การเสริมโคเอนไซม์ Q10 ในปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ยังช่วยลดอาการเหนื่อยล้าและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจได้อีกด้วย [8]

อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการก่อนเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเหมาะสมกับสภาพร่างกายและไม่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

สรุป

อาการเหนื่อยเพลียง่ายอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การใส่ใจดูแลสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และเสริมสารอาหารที่จำเป็นอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายกลับมามีพลังและสุขภาพที่ดีขึ้นได้ อย่าลืมว่า สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการใส่ใจดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

อ้างอิง

  1. Tardy AL, Pouteau E, Marquez D, et al. Vitamins and Minerals for Energy, Fatigue and Cognition: A Narrative Review of the Biochemical and Clinical Evidence. Nutrients. 2020;12(1):228.
  2. Yaribeygi H, Panahi Y, Sahraei H, Johnston TP, Sahebkar A. The impact of stress on body function: A review. EXCLI J. 2017;16:1057-1072.
  3. Medic G, Wille M, Hemels ME. Short- and long-term health consequences of sleep disruption. Nat Sci Sleep. 2017;9:151-161.
  4. Finsterer J, Mahjoub SZ. Fatigue in healthy and diseased individuals. Am J Hosp Palliat Care. 2014;31(5):562-575.
  5. Puetz TW. Physical activity and feelings of energy and fatigue: epidemiological evidence. Sports Med. 2006;36(9):767-780.
  6. Kennedy DO. B Vitamins and the Brain: Mechanisms, Dose and Efficacy–A Review. Nutrients. 2016;8(2):68.
  7. Smith AM, et al. Effects of vitamin B12 supplementation on fatigue: A systematic review and meta-analysis. Nutrients. 2021;13(4):1171.
  8. Mizuno K, et al. Antifatigue effects of coenzyme Q10 during physical fatigue. Nutrition. 2008;24(4):293-299.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *